ในหลายโรงงาน ปัญหาไม่ได้เริ่มต้นจากระบบที่พังทันที แต่เริ่มจาก “สัญญาณเล็กๆ” ที่ถูกละเลยจนกลายเป็นการหยุดไลน์ผลิตแบบไม่คาดคิด ซึ่งส่งผลต่อทั้งประสิทธิภาพและต้นทุนการดำเนินงาน หากคุณใช้ เครื่องจักรโรงงาน ทุกวัน สัญญาณต่อไปนี้คือสิ่งที่ควรจับตามอง เพื่อป้องกันความเสียหายล่วงหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ
เครื่องทำงานมีเสียงดังผิดปกติ หรือเสียงเปลี่ยนไปจากเดิม
เสียงคือภาษาของเครื่องจักร หากเริ่มมีเสียง “ครืดๆ”, “กระแทก”, “สั่นผิดจังหวะ” หรือเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ นั่นอาจบ่งบอกถึง
ลูกปืนกำลังสึก
ระบบหล่อลื่นขาด
ชิ้นส่วนภายในคลอนหรือหลวม
วิธีป้องกัน:
ตรวจเช็คระบบหล่อลื่นอย่างสม่ำเสมอ
เปลี่ยนลูกปืนตามรอบอายุการใช้งาน
บันทึกเสียงเครื่องจักรโรงงานเพื่อเปรียบเทียบความผิดปกติในอนาคต
เครื่องสั่นแรงกว่าปกติ หรือมีการสั่นสะเทือนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
การสั่นสะเทือนที่แรงขึ้นอาจเป็นสัญญาณของ
มอเตอร์ไม่สมดุล
ชุดโรเตอร์เสียหาย
โครงสร้างเครื่องเริ่มเสื่อมสภาพ
วิธีป้องกัน:
ใช้อุปกรณ์วัด Vibration ตรวจเช็คอย่างน้อยเดือนละครั้ง
ตรวจสอบฐานยึดเครื่องจักรโรงงาน
ทำ Balancing มอเตอร์เมื่อพบการสั่นสะเทือนสูงกว่าค่ามาตรฐาน
เครื่องจักรเริ่มร้อนเกินปกติ หรือกินพลังงานมากขึ้น
เมื่อเครื่องร้อนผิดปกติ อาจเกิดจาก
การเสียดสีในระบบ
ฝุ่นอุดตันในชุดระบายอากาศ
ระบบไฟฟ้าทำงานหนักเกินกำลัง
วิธีป้องกัน:
ทำความสะอาดพัดลมและทางเดินลมของเครื่องจักรโรงงาน
ตรวจสอบโหลดไฟฟ้าและค่า Amp
เปลี่ยนกรองหรือชิ้นส่วนระบายความร้อนตามรอบใช้งาน
ประสิทธิภาพลดลง ทำงานช้าลง หรือผลิตไม่ได้ตามตัวเลขเดิม
ถ้าเครื่องเริ่มทำงานช้าลงอย่างเห็นได้ชัด นั่นอาจเป็นผลจาก
ความสึกหรอของชิ้นส่วนภายใน
แรงดันลมหรือแรงดันน้ำมันลดลง
เซนเซอร์เริ่มคลาดเคลื่อน
วิธีป้องกัน:
ตรวจสอบแรงดันลม/น้ำมันในระบบ
เปลี่ยนชิ้นส่วนที่เสื่อมสภาพก่อนครบอายุ
ทำ Calibration เซนเซอร์ของเครื่องจักรโรงงานเป็นประจำ
มีคราบน้ำมัน รอยรั่ว หรือกลิ่นไหม้ผิดปกติ
รอยรั่วเพียงเล็กน้อยอาจนำไปสู่การหยุดไลน์ผลิตหนักที่สุด
สาเหตุที่พบบ่อย:
ซีลเสื่อม
ท่อแตกหรือรั่ว
ระบบไฮดรอลิก/นิวเมติกทำงานผิดปกติ
วิธีป้องกัน:
ตรวจสอบท่อและซีลทุกสัปดาห์
หากพบกลิ่นไหม้ ให้หยุดเครื่องทันทีและตรวจสอบวงจรไฟฟ้า
ทำ PM (Preventive Maintenance) ตามมาตรฐานโรงงาน
วิธีลดโอกาสเสียแบบองค์รวมสำหรับทุกโรงงาน
เพื่อป้องกันปัญหาเครื่องจักรโรงงานหยุดไลน์ผลิตแบบไม่ทันตั้งตัว ควรมีระบบดังนี้:
✔ PM (Preventive Maintenance) รายเดือน
เช็คทุกจุดสำคัญ: มอเตอร์, ลูกปืน, ระบบลม, ระบบไฟฟ้า
✔ บันทึกประวัติซ่อมและการทำงาน
ช่วยให้คาดการณ์ความเสียหายในอนาคตได้อย่างแม่นยำ
✔ ใช้ IoT หรือระบบเซนเซอร์เช็คแบบเรียลไทม์
วัดอุณหภูมิ–เสียง–การสั่น เพื่อแจ้งเตือนก่อนเกิดปัญหา
✔ อบรมพนักงานให้รู้จักสัญญาณเตือน
หลายครั้งปัญญาเริ่มจาก “คนใช้เครื่องสังเกตเห็นก่อนเสมอ”

